For a long while, I constantly discussed a range of ideas about art and collecting with friends and seniors who were art collectors. Many of them graduated from universities in foreign countries and lived in Bangkok, but some decided to reside here in Chiang Mai. They included one of my respected relatives who wanted to change her house into a museum so she could organize her collections in a more suitable way. There was also a relative of my father, Wichai Wongsuwan, who graduated from Silpakorn university and was a museum curator in many provinces including Chiang Mai and Lamphun. He had visited many museums in Asia, Europe and the U.S. When I started to write about art in Thailand, he was the one who provided valuable information about beads, sculptures and antiques such as bowls, plates, pots as well as temples and art-periods in Thailand. I usually invited him here or contacted him via telephone to ask some questions. Sometimes he brought lovely books with beautiful illustrations, and showed me some art pieces in the books that he had collected and how he acquired them.
I was sad when he told me that Thai museums had no policy to raise funds for preserving old, precious works of art. Although he was a high ranking government official, he was restrained and found it difficult to exact any effective changes in that policy. To my delight, I found that he donated some old ceramic bowls from Wiengkalong kiln and another 200 ancient items to the Chiang Mai museum but he was uneasy as to whether donated belongings were placed properly in the glass showcases. It remains a question.
My house is more than 50 years old and we renovated it many times. Although the house style is not as "classic" as the western style which is displayed in the old houses of senior government officials, it has a milieu about it as a simple redwood house. Not far from the university, it is a downtown house, on Nimmanhaemin Road, next to a verdant mountain, Doi Suthep .This road became a promenade and shopping street in Chiang Mai city with small offices, banks, clothes shops, art galleries, coffee shops, pubs, restaurants and guest houses where many foreigners come to live as a second home, especially Japanese and Korean people. A perfect spot for a very personal project.
I call it, the Janine Art Gallery. My modest thought: An easy and rewarding opportunity for local artists and artists all over Thailand to meet and cooperate as well as the art lovers who can meet and talk with the visiting artists personally. The works will be different in each exhibit ranging from paintings, sculptures, antiques and handicrafts and, perhaps, "media art."
In the beginning, I intend to exhibit the work of the three artists who I previously interviewed and presented their work in Scene4 articles. The first exhibit is a tribute to Visoot Charoenporn. The paintings that were shown here are mostly the remaining paintings from the successful nude painting exhibitions in 2007 at Chiang Mai University Art gallery. I wrote about him and his painting in August 2007, and after my first visit to his home in the woods in Mae Tang district in March 2010.
Sadly, at the end of last year, he passed away, I went to visit his family again and decided to start the art gallery project to commemorate Visoot Charoenporn and his paintings. These remaining nude paintings are not to be sold and some paintings from Penchan Premwut, his wife and Daranee Charoenporn, his niece will be presented here as well. Penchan used to study at SilpakornUniversity in the same year as Visoot—she focuses on paintings of flowers. Daranee also paints flowers along with seascapes. Their work, in a word, is simply beautiful. If you want to buy this precious contemporary work from two famous artists in Chiang Mai, you are also welcome to visit. You can buy monoprints with and without teak frames as souvenirs from Chareonporn's family or as decor items for your house as well as books of nude paintings from the exhibition in 2007. The exhibit here will be open all of this year.
เป็นเวลานานพอสมควรที่ดิฉันได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ
เกี่ยวกับศิลปะและการสะสมกับเพื่อนและญาติผู้ใหญ่ที่เป็นนักสะสมงานศิลปะ
หลายท่านจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศและอาศัยอยู่ใน
กรุงเทพมหานครแต่บางท่านก็ตัดสินใจอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งญาติ
สนิทของดิฉันคนหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยนบ้านของให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์
เพื่อที่จะได้จัดวางของสะสมให้เหมาะสมมากกว่าเดิม ญาติของคุณพ่อดิฉันที่ชื่อ
คุณวิชัย วงษ์สุวรรณที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและเป็นภัณฑารักษ์
พิพิธภัณฑ์ในหลายๆจังหวัดรวมทั้งเชียงใหม่และลำพูน ท่านไปเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์หลายแห่งในเอเชีย ยุโรปสหรัฐอมริกา เมื่อดิฉันได้เขียนเกี่ยวกับศิลปะ
ในประเทศไทย ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลูกปัด รูปปั้นและของเก่าเช่น
ถ้วยชามจาน หม้อ ไหเช่นเดียวกับเรื่องของวัดและยุคทางศิลปะในประเทศไทย
บ่อยครั้งที่ดิฉันเชิญมาที่บ้านและติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อถามหลายๆเรื่อง บางครั้ง
ท่านก็นำหนังสือที่มีภาพสวยงามมาให้ดูพร้อมกับอธิบายงานศิลปะบางชิ้นที่มี
สะสมไว้แล้วบอกว่าได้ของสะสมมาได้อย่างไร
ดิฉันรับทราบและรู้สึกเศร้าใจมากเมื่อท่านบอกว่าพิพิธภัณฑ์ของไทยไม่มีนโยบาย
หาทุนสำหรับการรักษางานศิลปะเก่าแก่ที่มีค่า แม้ว่าท่านจะเป็นข้าราชการระดับสูง
แต่ถูกจำกัดอำนาจจนยากที่จะกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิผล ดิฉันพบอีกว่าท่าน
ได้บริจาคถ้วยกระเบื้องโบราณจากเวียงกาหลงจำนวนหนึ่งพร้อมกับของโบราณอีก
200 กว่าชิ้นให้กับพิพิธภัณฑ์เชียงใหม่แต่ก็รู้สึกเป็นกังวลว่าของที่บริจาค
ไปจะถูกจัดวางอย่างเหมาะสมในตู้กระจกหรือไม่ สิ่งนี้ยังคงเป็นข้อน่ากังขาอยู่
บ้านเรือนไม้ของดิฉันมีอายุมากกว่า 50 ปีและเราได้ทำการปรับปรุงหลายครั้งแม้ว่า
รูปแบบของบ้านจะไม่ได้เป็นแบบคลาสสิกอย่างตะวันตกที่มักจะมีการสร้างไว้ตาม
บ้านพักข้าราชการอาวุโสที่มีบรรยากาศเหมือนบ้านที่ทำด้วยไม้แดงแบบง่ายๆ
อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นหมู่บ้านในย่านกลางเมืองไม่ห่างถนน
นิมมานเหมินทร์เท่าใดนัก อยู่ใกล้กับดอยสุเทพอันเขียวชอุ่ม ถนนเส้นนี้เป็นเขต
การค้าในเมืองเชียงใหม่ มีสำนักงานขนาดเล็ก ธนาคาร ร้านขายเสื้อผ้า แกลเลอรี่
ร้านกาแฟ ผับ ร้านอาหารและเกสต์เฮ้าส์ที่มีชาวต่างประเทศมาอยู่อาศัยเสมือน
เป็นบ้านหลังที่สอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่นและเกาหลี เป็นจุดที่สมบูรณ์แบบ
สำหรับการทำกิจการส่วนตัว
ดิฉันเรียกที่แห่งนี้ว่า จานีน อาร์ท แกลเลอรี่ จากความคิดที่เรียบง่ายของดิฉันคือ
โอกาสที่สามารถติดต่อสื่อสารและสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับศิลปินในท้องถิ่นและที่
อื่นๆให้สามารถมาพบปะและร่วมมือกันและผู้รักงานศิลปะที่จะได้พบและ
แลกเปลี่ยน พูดคุยกับศิลปินที่มาจัดแสดงงานเป็นการส่วนตัว ผลงานจะแตกต่าง
กันออกไปในแต่ละนิทรรศการ มีทั้งภาพเขียน งานปั้นของโบราณงานหัตถกรรม
และอาจมีงาน"สื่อศิลปะ"สมัยใหม่
กิจกรรมเริ่มแรกดิฉันตั้งใจจะแสดงผลงานของศิลปิน 3 ท่านที่ดิฉันเคยได้ไป
สัมภาษณ์และนำเสนอผลงานในบทความของScene4 งานแสดงชิ้นแรกเพื่อเป็น
เกียรติแก่คุณวิสูตร เจริญพร ผลงานที่จัดแสดงในที่นี้เป็นภาพวาดที่หลงเหลือจาก
งานนิทรรศการภาพนู้ดที่จัดขึ้นในปีพ.ศ. 2550 ที่หอศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดิฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับท่านและภาพเขียนในเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2550 และ
ภายหลังจากที่ดิฉันไปเยี่ยมเขาครั้งแรกที่บ้านของเขาในป่าที่อำเภอแม่แตงใน
เดือนมีนาคมพ.ศ 2552 น่าเสียใจที่ปลายปีที่แล้วท่านได้เสียชีวิตไป ดิฉันไปเยี่ยม
ครอบครัวของท่านอีกครั้งและตัดสินใจที่จะเริ่มงานห้องแสดงภาพเพื่อเป็นการ
ระลึกถึงคุณวิสูตร เจริญพรและภาพวาด ภาพเขียนนู้ดที่หลงเหลืออยู่จะไม่มีการ
จำหน่ายแต่จะมีการแสดงภาพเขียนบางภาพจากคุณเพ็ญจันทร์ เปรมวุฒิ ภรรยา
คุณวิสูตรและคุณดารณีเจริญพรหลานสาวของท่านสามารถจำหน่ายที่นี่ด้วยเช่นกัน
คุณเพ็ญจันทร์เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากรในปีเดียวกับคุณวิสูตรโดยจะ
ภาพเขียนเน้นไปที่ภาพดอกไม้ ส่วนคุณดารณีจะวาดภาพดอกไม้และทิวทัศน์ริม
ทะเล ผลงานของทั้งสองท่านนั้นเรียกได้ว่าสวยงามเป็นอย่างมาก
ถ้าคุณสนใจจะซื้อภาพเขียนจากศิลปินร่วมสมัยทั้งสองท่านที่มีชื่อเสียงในจังหวัด
เชียงใหม่ก็สามารถมารับชมภาพได้ คุณสามารถซื้อภาพโมโนปริ้นท์ที่มีและไม่มี
กรอบไม้สักเป็นของที่ระลึกจากครอบครัวเจริญพรที่ใช้เป็นของตกแต่งบ้านและ
หนังสือรวมภาพจากงานนิทรรศการในปีพ.ศ 2550 งานนิทรรศการที่นี่จะจัดขึ้น
ต่อไปอีกตลอดทั้งปี